ซูฮก คาแรคเตอร์ “นักสู้” การเข้ารอบเป็น “มาตรฐาน” The Columnist by หัวหน้าโบ้
วันที่ 10 กันยายน 2568 ฟุตบอลเวลาเจอทีมที่ไม่ได้ต่างกันมากนัก ที่ทั้งมี ความสามารถ ระบบวิธีการเล่น หลายครั้งผลการแข่งขันไม่ได้ถูกตัดสินด้วยความสามารถทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของ “จิตวิทยา” และ “ความเป็นนักสู้” ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ

ทีมชาติไทย U23 ภายใต้การนำของ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล สามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการจบการแข่งขันด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม F และคว้าตั๋วผ่านเข้ารอบสุดท้ายที่ประเทศซาอุดีอาระเบียได้สำเร็จ
การเข้ารอบสุดท้ายในรายการระดับเอเชีย ผมมองว่านั่นคือมาตรฐาน ที่เราต้องทำให้ได้อยู่แล้ว…. อีกทั้งเราต้องยอมรับว่าทุกชาติพัฒนามาตรฐานสูงขึ้นและนั่นคือสิ่งที่เราก็หยุดพัฒนาหรือใช้มาตรฐานแบบเดิมๆไม่ได้แล้ว

เพราะหากมองให้ทีมชาติไทยไปให้ไกลว่าที่เป็นอยู่ ไม่ได้มองแค่เข้ารอบสุดท้าย อาจจะต้องมองถึงการเป็น ท็อป3 หรือ ท็อป 5 ของเอเชียให้ได้ในทุกๆครั้งที่เข้าแข่งขัน
หากจะให้ไปไกลได้กว่าเดิมนั้น สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต้องเอาจริงเอาจังกับการพัฒนาเยาวชน ที่เป็นรากแก้วอย่างจริงจัง พร้อมมีเป้าหมายที่ชัดเจนแบบจริงใจ

เอาที่ญี่ปุ่นบอกจะเป็นแชมป์โลก 2050 ส่วนไทยนั้นก็ควรเอาแบบนั้นว่า เราจะเป็นแชมป์เอเชียให้ได้ในปี 20..?? หรือเราจะเข้ารอบรองชนะเลิศให้ได้ทุกครั้ง อะไรก็ว่าไป..
มีแผนงานอย่างไร? มีวิธีการระยะใกล้หรือระยไกล และใครเป็นผู้รับผิดชอบในแต่ละส่วน
เพราะเมื่อมีเป้าหมายแล้ว จะได้มีแผนงานอย่างเป็นรูปธรรม ตอนนี้ก็รออยู่ว่า “แอนโธนี ฮัดสัน” ผู้อำนวยการเทคนิค” ที่มีหน้าที่หลัก
“ในการลงรายละเอียดในส่วนของการวางรากฐานเพื่อพัฒนานักกีฬาทีมชาติไทย โดยเฉพาะ การวิเคราะห์, ประมวลผลข้อมูล และสถิติ ของนักเตะในสนาม และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งมีบทบาทเชิงรุกในการให้แนวทางวางแผนการฝึกซ้อมเพื่อสร้างสไตล์การเล่นที่เหมาะสม สอดคล้องกันทุกชุดจากทีมเยาวชนสู่ทีมชาติชุดใหญ่”
อยากรู้เหมือนกันว่าทำงานเป็นอย่างไรไปบ้างแล้ว ?
ย้อนกลับมาขอชื่อชมน้องๆ ทีมชาติไทย U23 ที่ทุ่มเทและใช้ผลงานตอบ”คำวิจารณ์” มาตลอด ตั้งแต่การเตรียมทีมนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ผลงานไม่ดีแพ้ 5 นัดรวดจนต้องปลดโค้ช ญี่ปุ่น ทากายูกิ นิชิกายะ ก่อนที่จะมาได้ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล มา รับ “เผือกร้อน”
ผลงานในรอบคัดเลือก
* นัดที่ 1: ชนะ มองโกเลีย 6-0
* นัดที่ 2: เสมอ เลบานอน 2-2
* นัดที่ 3: ชนะ มาเลเซีย 2-1
ในเกมที่ เสมอ เลบานอน 2-2 / และชนะ มาเลเซีย 2-1
ขอซูฮก ทั้งโค้ชวัง และ น้องๆนักเตะชุดยู23 ปี แสดงคาแรคเตอร์แห่งนักสู้ไม่ถอย วิ่งไล่ เพื่อเอาฟุตบอลมาเป็นฝ่ายบุกและต้องการเป็นผู้ชนะ ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆ ไม่ว่าจะเป็นสกอร์ที่ตามหลัง อาการบาดเจ็บ หรือความกดดันจากคู่แข่งและแฟนบอล ฝนตก น้ำท่วม สนามไม่เป็นใจ พวกเขาจะทุ่มเทเต็มที่ตลอด 90 นาที จนพลิกสถานการณ์ของทีมให้กลับมาชนะได้
สไตล์แบบนี้ คือ DNA ที่นักฟุตบอลบอลไทย ต้องปลูกฝังกัน เล่นเพื่อชาติ มุ่งมันช่วยเหลือกันและกัน
ผมเชื่อว่าแฟนบอลไทย พอจะได้เห็น คราวๆแล้วว่า นักเตะจากชุดนี้มีใครดีพอจะขึ้นไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ได้บ้าง
-คคนะ คำยก ในวัย21 ปี ฤดูกาลที่แล้วเล่นให้เมืองทอง 42 เกม มีส่วนร่วมกับประตูเกือบ 20 ลูก มีMindset ที่ควรเอาอย่าง เขาไม่ได้แค่ฝันไทยลีก แต่ฝันคือไปเล่นต่างประเทศ นั่นคือสิ่งที่ต้องการและซ้อมๆ เพื่อไปให้ได้อย่างที่ฝัน การยิงประตูนัดมาเลเซีย นั่นคือสิ่งที่ ซ้อมเพื่อมีโอกาส และต้องทำให้ได้
-เสกสรรค์ ราตรี เด็กคนนี้ พี่แชมป์ ศิวรักษ์ ออกปากชมว่า คนนี้เป็น “เด็กดี” มีใจเรียนรู้ และเป็นนักสู้ เสียงบ่น เสียงวิจารณ์ จะมากมายแค่ไหน ทัวร์นาเม้นท์นี้ เสกสรรค์ ผ่านมาได้ และนี่คือคำทำประตูได้มากที่สุดของนักเตะไทยในรอบนี้
-สิทธา บุญหล้า เก่งเกินวัย โค้ชโย่งเคยเรียกติดทีมยู23ปี ตอนอายุ 17 ลงเล่นเอเชียคัพ ที่มองโกเลีย เล่นควอลิฟายระดับเอเชียมารอบที3 และ ไปเล่นรอบสุดท้าย ที่การ์ต้ามา ปีที่แล้ว ถ้ามีโอกาสลงในไทยลีกต่อเนื่อง ผมเชื่อว่า อนาคตทีมชาติชุดใหญ่อีกไม่นาน
ส่วนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ยศกร บูรพา , อิคลาส สันหรน 2 คนนี้คือหัวใจสำคัญไม่แพ้กันที่ช่วยกันพาทีมชาติไทยเข้ารอบสุดท้าย พวกนี้คือนักเตะจำพวก “พรสวรรค์” อยากจะบอกแค่ว่า ไปเล่นลีกต่างประเทศเถอะ ไปเอาความเป็นมืออาชีพ ไปเอาประสบการณ์ที่ต้องเจอ ความฝันไม่ใช่แค่เล่นไทยลีก ฝันให้ใหญ่เข้าไว้ อย่างไงทีมชาติไทย ในอนาคตจะมีชื่อ 2 คนนี้อย่างแน่นอน
ยังมีอีกหลายคนที่ผมถูกใจยิ่งนักในความเป็นนักสู้ พิชิตชัย เศียรกระโทก,พลเอก มณีกร ,วาริส ชูทอง,ชนนท์ ทำมา
จากนี้ของให้น้องกลับไปพัฒนาตัวเองให้ยิ่งขึ้นไป …. ชัยชนะที่ผ่านพ้นไปเป็นแค่จุดเรื่องต้นที่ทุกคนรู้จักพวกเราแล้ว แต่เส้นทางนี้ยังไกลอีกแสนไกล